อาดัมขับรถกลับบ้านด้วยความเร็วสูง แต่เมื่อใกล้จะถึงบ้านคืนนั้นเขาเห็นอะไรบางอย่างวิ่งข้ามถนน เขาตกใจมาก และพยายามหักพวงมาลัยเพื่อจะหลบสิ่งที่เขาเห็นนั้น แต่เขาเกิดพลาด และตกลงไปในเหวลึกข้างถนน
สักพักหนึ่งอาดัมก็ค่อยๆ คลานออกมาจากรถเก๋งที่เพิ่งซื้อได้ไม่กี่วัน... (รถเบนซ์) เลือดอาบหน้า และร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล... อาดัมรู้สึกหวาดกลัวมาก เขาพยายามปีนขึ้นมาจนถึงถนน และพยายามโบกรถเพื่อขอขึ้นรถกลับบ้านไปด้วย แต่ไม่มีใครจอดรับ... เขาจึงพยุงตัวเดินกลับบ้านด้วยความหวาดกลัว
เมื่อมาถึงบ้านเขาเคาะประตู แต่ก็ไม่มีใครเปิดให้ เขาจึงเดินไปที่หน้าต่าง และเคาะที่หน้าต่างห้องครัว แต่ภรรยาที่ทำกับข้าวรออาดัมกลับบ้านก็ไม่ได้ยินเพราะเธอเปิดเพลงดังมาก... ขณะนั้นลูกสาวคนโตของอาดัมเดินทำหน้าตกใจ ร้องไห้มาหาแม่ที่ทำกับข้าวอยู่ และยื่นโทรศัพท์ให้
ภรรยาอาดัมปล่อยโทรศัพท์หลุดมือตกลงที่พื้น ทำท่าเหมือนจะช็อก และร้องไห้พร้อมทั้งตะโกนลั่นว่า “ไม่ๆๆ เป็นไปไม่ได้เขายังไม่ตาย สามีของฉันยังไม่ตาย” (ตำรวจพบศพของอาดัมที่เหวลึกพร้อมกับรถที่พังยับเยิน) อาดัมหยุดเคาะกระจกหน้าต่าง... เขาเริ่มถามตัวเองว่า “นี่เราตายแล้วเหรอ ไม่จริงๆ เป็นไปไม่ได้...”
เมื่ออาดัมรู้ตัวว่าเขาตาย “จริงๆ” เขาก็ปลง และสละสิทธิ์ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยเป็นเจ้าของ
พี่น้องที่รักครับ อาดัมคนนี้ก็คือเราทุกคนที่ตายแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัวว่าตาย (2 คร. 5.14; โรม 6.2-13; กท. 2.20) พี่น้องส่วนมากยังใช้ชีวิตของอาดัมเพื่อการเชื่อฟังและรับใช้พระเจ้า เรายังแอบรักโลกนี้และสิ่งบันเทิงทั้งหลาย และเรากลายเป็นคริสเตียนศาสนาโดยไม่รู้ตัว
เราตายต่อบาปแล้ว แต่ยังดำเนินชีวิตอยู่บาป (โรม 6.7)
เราตายต่อพระบัญญัติ แต่เราก็ยังพยายามรักษาพระบัญญัติ (ด้วยเนื้อหนัง) (โรม 6.14; 7.4)
เราตายต่อโลกนี้แล้ว แต่เราก็ยังพยายามแสวงหาสิ่งที่เป็นฝ่ายโลกนี้มากกว่าพระเจ้า (กท. 6.14)
คุณตายแล้วนะครับ