มัทธิวบทที่ 12
12.11 พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ถ้าผู้ใดในพวกท่านมีแกะตัวเดียว และแกะตัวนั้นตกบ่อในวันสะบาโตผู้นั้นจะไม่ฉุดลากแกะตัวนั้นขึ้นหรือ
12.12 มนุษย์คนหนึ่งย่อมประเสริฐยิ่งกว่าแกะมากเท่าใด เหตุฉะนั้นจึงถูกต้องตามพระราชบัญญัติให้ทำการดีได้ในวันสะบาโต”
ใน "ยุคพระคุณ" พระเจ้าสำแดงพระเมตตาคุณต่อเรามากกว่าที่จะคำนึงถึงกฎเกณฑ์
12.24 แต่พวกฟาริสีเมื่อได้ยินดังนั้นก็พูดกันว่า “ผู้นี้ขับผีออกได้ก็เพราะใช้อำนาจเบเอลเซบูลผู้เป็นนายผีนั้น”
นี่คือการหมิ่นประมาทพระเยซูเพราะอ้างว่า พระองค์ใช้อำนาจผีมาปราบผี
12.25 ฝ่ายพระเยซูทรงทราบความคิดของเขาจึงตรัสกับเขาว่า “ราชอาณาจักรใดๆ ซึ่งแตกแยกกันเองก็จะรกร้างไป เมืองใดๆ หรือครัวเรือนใดๆ ซึ่งแตกแยกกันเองจะตั้งอยู่ไม่ได้
12.26 และถ้าซาตานขับซาตานออกมันก็แตกแยกกันในตัวมันเองแล้วอาณาจักรของมันจะตั้งอยู่อย่างไรได้
อาณาจักรของซาตานอยู่บนฟ้าอากาศ (อฟ. 2.2)
โลกนี้คืออาณาจักรที่มันยึดจากอาดัมและทำให้เป็นอาณาจักรแห่งความมืด และมันมีอำนาจเหนืออาณาจักรนี้ (คส. 1.13)
12.29 หรือใครจะเข้าไปในเรือนของคนที่มีกำลังมากและปล้นเอาทรัพย์ของเขาอย่างไรได้ เว้นแต่จะจับคนที่มีกำลังมากนั้นมัดไว้เสียก่อนแล้วจึงจะปล้นทรัพย์ในเรือนนั้นได้
12.30 ผู้ที่ไม่อยู่ฝ่ายเราก็เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา และผู้ที่ไม่รวบรวมไว้กับเราก็เป็นผู้กระทำให้กระจัดกระจายไป
"เรือน" คือโลกนี้ที่มารครอบครอง
"ปล้น" คืองานของเราที่มาปล้นเอาคนบาปที่เป็นของมาร
"จับคนที่มีกำลังมาก" คือพระวิญญาณจะครอบคลุมไม่ให้มารทำอะไรได้เพื่อคนที่ได้ฟังข่าวประเสริฐจะมีโอกาสติดสินใจว่าจะรับเชื่อหรือไม่
12.31 เพราะฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า ความผิดบาปและคำหมิ่นประมาททุกอย่างจะโปรดยกให้มนุษย์ได้เว้นแต่คำหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงโปรดยกให้มนุษย์ไม่ได้
12.32 ผู้ใดจะกล่าวร้ายบุตรมนุษย์จะโปรดยกให้ผู้นั้นได้ แต่ผู้ใดจะกล่าวร้ายพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงโปรดยกให้ผู้นั้นไม่ได้ทั้งยุคนี้และยุคหน้า
"เว้นแต่คำหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงโปรดยกให้มนุษย์ไม่ได้" นี่คือบาปของคนที่ไม่เชื่อและไม่ยอมรับว่า เป็นการทำงานของพระเจ้าและพระวิญญาณ ถึงแม้ว่า พระเจ้าต้องการยกโทษก็ยกให้ไม่ได้เพราะเขาอยู่นอกเหนือการยกโทษของพระเจ้า ไม่ใช่พระเจ้าจะไม่ยกโทษ แต่เป็นเพราะว่า เขาไม่ให้โอกาสพระองค์ยกโทษ
12.33 จงกระทำให้ต้นไม้ดีแล้วผลของต้นไม้นั้นดี หรือกระทำให้ต้นไม้เลวแล้วผลของต้นไม้นั้นเลวเพราะเราจะรู้จักต้นไม้ด้วยผลของมัน
12.34 โอ ชาติงูร้าย เจ้าเป็นคนชั่วแล้วจะพูดความดีได้อย่างไรด้วยว่า ปากย่อมพูดจากสิ่งที่เต็มอยู่ในใจ
ในที่นีพระเยซูเน้นถึง "ผลดี" คือผลพระวิญญาณไม่ใช่ผลดีของอาดัม
"รู้จักต้นไม้ด้วยผลของมัน" คือรักที่อดทนได้นานๆๆ และยกโทษไม่มีกำหนด ฯลฯ
12.36 ฝ่ายเราบอกเจ้าทั้งหลายว่า คำที่ไม่เป็นสาระทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้นมนุษย์จะต้องให้การสำหรับถ้อยคำเหล่านั้นในวันพิพากษา
12.37 เหตุว่าที่เจ้าจะพ้นโทษได้ หรือจะต้องถูกปรับโทษนั้นก็เพราะวาจาของเจ้า
ในที่นี้เน้นถึงการตัดสินแบบตัดสินพระเยซู
เมื่อเราพูดถึงความผิดของพี่น้องบางท่านหรือบางกลุ่ม "เรารัก" และเป็นห่วงเขา และพูดในแง่ศึกษาไม่ใช่โจมตีจึงไม่ผิด (ในใจเราจะฟ้องว่าตอนนั้นรักไหม หรือหวังดีกับเขาอยู่ไหมขณะที่พูดอยู่)
12.39 พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า “คนชาติชั่วและเล่นชู้แสวงหาหมายสำคัญ และจะไม่ทรงโปรดให้หมายสำคัญแก่เขาเว้นไว้แต่หมายสำคัญของโยนาห์ศาสดาพยากรณ์
การสิ้นพระชนม์สามวันและเป็นขึ้นคือหมายสำคัญที่พระเจ้าจะเปิดเผยให้พวกเขาที่จิตใจแข็งกระด้างได้เห็น
12.41 ผู้เป็นใหญ่กว่าโยนาห์อยู่ที่นี่
ท่านโยนาห์...
พระเจ้าส่งมาเตือนและประกาศกับชาวเมืองนีนะเวห์ แต่พระเยซูถูกส่งมาเตือนและประกาศกับยิวและชาวต่างชาติทั่วโลก
โยนาห์อยู่ในท้องปลาสามวัน แต่พระเยซูอยู่ในท้องแผนดินโลกสามวัน
การออกจากท้องปลาช่วยได้แต่เฉพาะชาวเมืองนีนะเวห์เท่านั้น แต่การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูช่วยคนมากมายให้ได้รอดและเป็นผู้ชนะได้
12.43 เมื่อผีโสโครกออกมาจากผู้ใดแล้ว มันก็ท่องเที่ยวไปในที่กันดารเพื่อแสวงหาที่หยุดพักแต่ไม่พบเลย
12.44 แล้วมันก็กล่าวว่า `ข้าจะกลับไปยังเรือนของข้าที่ข้าได้ออกมานั้น' และเมื่อมันมาถึงก็เห็นเรือนนั้นว่าง กวาดและตกแต่งไว้แล้ว
12.45 มันจึงไปรับเอาผีอื่นอีกเจ็ดผีร้ายกว่ามันเองแล้วก็เข้าไปอาศัยที่นั่น และในที่สุดคนนั้นก็ตกที่นั่งร้ายกว่าตอนแรก คนชาติชั่วนี้ก็จะเป็นอย่างนั้น
1) "เมื่อผีโสโครกออกมาจากผู้ใดแล้ว" ผีในที่นี้คือผีมารที่เป็นเจ้าของชีวิตคนที่ไม่เชื่อที่อยู่กับเขาตั้งแต่กำเนิด
2) "ออกจาก" คือถูกไล่ออกจากเขาตอนที่พระวิญญาณนำคนมาประกาศเพื่อให้เขาได้ยินข่าวประเสริฐ
3) "เพื่อแสวงหาที่หยุดพักแต่ไม่พบเลย" ทุกที่ทุกแห่งหนมีผีมารจองกันหมดแล้ว มันจึงไม่มีที่อยู่ (ทุกคนที่ไม่เชื่อก็มีผีมารจองแล้ว)
4) "ข้าจะกลับไปยังเรือนของข้าที่ข้าได้ออกมานั้น' และเมื่อมันมาถึงก็เห็นเรือนนั้นว่าง กวาดและตกแต่งไว้แล้ว" คือคนนี้ไม่รับข่าวประเสริฐ "สะอาด" คือพระวิญญาณขับไล่มารนั้นออกไปจนเขารับฟังได้ แต่เขาไม่รับและไม่เชื่อ และตอนนั้นยังไม่มีผีมารตัวไหนเข้ามาอยู่จึงยังสะอาดอยู่
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคริสเตียนเพราะว่า เมื่อเราเชื่อพระวิญญาณจะเข้ามาจองวิญญาณและชีวิตเรา และผีมารที่หนีไปและกลับมาดูมันก็เข้ามาไม่ได้อีกแล้ว
เรื่องนี้เน้นที่ฟาริสีก่อนเพื่อนเพราะว่า ตอนนั้นพระเยซูพูดกับเขาที่ดูหมิ่นพระวิญญาณอยู่ และพระวิญญาณหมดโอกาสทำงานในเขาแล้ว
5) "มันจึงไปรับเอาผีอื่นอีกเจ็ดผีร้ายกว่ามันเองแล้วก็เข้าไปอาศัยที่นั่น และในที่สุดคนนั้นก็ตกที่นั่งร้ายกว่าตอนแรก คนชาติชั่วนี้ก็จะเป็นอย่างนั้น" มันจึงไปรับเอาผีมาอีกเยอะเพราะกลัวว่า คนนั้นจะรับเชื่อ และมันจะไม่มีที่อยู่หรือถูกไล่ให้หนี และคราวนี้คนที่ไม่เชื่อคนนั้นก็จะมีโอกาสรอดน้อยมาก
12.48 แต่พระองค์ตรัสตอบผู้ที่ทูลพระองค์นั้นว่า “ใครเป็นมารดาของเรา ใครเป็นพี่น้องของเรา”
เมื่อเราเกิดมาในโลกนี้ก็มีพ่อแม่พี่น้องที่เป็นมนุษย์ฝ่ายเนื้อหนังแน่นอนที่สุดเราย่อมมีความผูกพันธ์ที่ลึกซึ้ง แต่เมื่อเราพบกันอีกครั้งในราชอาณาจักรและในสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่เราจะไม่มีความผูกพันธ์แบบเดิมอีกแล้ว เราอาจจำกันได้นิดเดียว แต่ความรู้สึกที่เป็นพี่เป็นน้องฝ่ายวิญญาณจะมีมากกว่าเพราะฝ่ายวิญญาณคือชีวิตที่แท้จริงของมนุษย์
"ใครเป็นมารดาของเรา ใครเป็นพี่น้องของเรา" เรื่องนี้ใครๆ ก็รับไม่ได้หรือรับยากมาก ผมเคยฝันว่า เห็นพี่น้องผู้ชนะที่เป็นนักเรียนรุ่นแรกและเป็นทีมงานเดียวกันตอนนี้เค้าดูหนุ่มขื้น ไม่อ้วนเลย จำได้นิดเดียว และถ้าไม่ดูดีๆ ก็แทบจะจำไม่ได้เลย
เมื่อเราอยู่ในราชอาณาจักรและสวรรค์ใหม่จะไม่มีความสัมพันธ์แบบในโลกนี้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ หรือลูกที่รักกันมากมายแค่ไหนก็ตาม